ประวัติ ผศ.ดร.สืบแสง พรหมบุญ
<<< กลับสู่หน้า ผศ.ดร.สืบแสง พรหมบุญ
"เหลียวหลังแลหน้า สองทศวรรษมหาวิทยาลัยรังสิต"
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สืบแสง พรหมบุญ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร มหาวิทยาลัยรังสิต กับทิศทางของมหาวิทยาลัยรังสิตในอนาคต ในการเสวนาเรื่อง "เหลียวหลังแลหน้า สองทศวรรษมหาวิทยาลัยรังสิต" งานสัปดาห์ห้องสมุด มหาวิทยาลัยรังสิต วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 ณ ห้องประชุม 7-100 อาคารหอสมุด มหาวิทยาลัยรังสิต |
"...แลหน้าเนี่ยผมมองว่ารังสิตก็เปรียบเหมือนกับคนเข้าเบญจ เพสแล้ว เราก็วิ่งมา 25 ปีแล้วไม่ใช่เดิน เราวิ่งแล้วกระโดดค้ำถ่อ จนกระทั้งว่าตั้งแต่เราเกิดมาใหม่ๆ เนี่ยหลายมหาวิทยาลัยเขาตกใจที่รังสิตกล้าและก็บ้าบิ่น เรากล้าและบ้าบิ่นคือกล้าทำในสิ่งที่เขาไม่อยากจะทำแต่ว่าในช่วงแรกๆ 10 ปีแรก 5 ปีแรกมีแต่คนมาดูงานเรา เรารับไม่หวาดไม่ไหว เดี๋ยวนี้ก็มีคนพยายามมาดูงานอยู่ แต่เราพยายามดูแลตัวเองอยู่ แล้วเราวิ่งมาไกลพอสมควร ผมมองว่าจากนี้ไปเมื่อเราเบญจเพสแล้วเราจะต้องยึดหลัก 2-3 อย่างโดยแลหลังไปด้วย มองไปข้างหน้าด้วยว่า เราจะต้องทำอย่างไงก็ได้ให้รังสิตมีความแข็งแกร่งในทุกด้าน คือจะทำอะไรต้องนึกถึงว่าเราจะต้องอยู่คู่กับประเทศไทยและกับโลกนี้ไปนาน ทำอะไรที่จะทำให้เราเข้มแข็ง และแข็งแกร่งได้ตั้งแต่จิตวิญญาณของความเป็นมหาวิทยาลัยรังสิตนี่จะต้องมี ความมุ่งเพื่อคุณภาพการศึกษาของเยาวชนไทย สองเราต้องเป็นตัวของตัวเองไม่ต้องไปตามใคร ใครจะตามเราไม่ว่า เราจะต้องไม่ตามใครแต่เราอย่าหลงตัวเอง ก็ฝากไว้ในฐานะว่าเป็นคนหนึ่งที่รวมคิดรวมทำแล้วเราก็อย่าหลงตัวเองแล้วก็ต้องคิดถึงส่วนรวมให้มากๆ อะไรที่เราทำดีอยู่แล้วเราก็ต้องรักษาเอาไว้แล้วก็ทำให้มันดีขึ้นไป อะไรที่มันไม่ดี ผมยกตัวอย่าง อย่างเรื่องยุคแรกๆ เราเน้นเรื่องความสะอาดมาก เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยสะอาดเท่าไร ทำอย่างไง แล้วก็ยุคแรกๆ นี่นักศึกษาแต่งตัวเรียบร้อย ดูหนังสือเล่มนี้ก็ได้นะหนังสือตอนเป็นมหาวิทยาลัย เดี๋ยวนี้นักศึกษามากขึ้นเราก็ไม่ว่าก็อินเทรนด์ ว่านักศึกษาเดี๋ยวนี้เขาแต่งเรียบร้อยแล้วก็ถือว่าเชย ก็ฝากนักศึกษาบอกเพื่อนๆ มันเป็นจริงหรือเปล่าถ้าแต่งเรียบร้อยแล้วมันเชยเนี่ย แต่อันนั้นยังไม่สำคัญเท่ากับว่าต้องทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมแล้วก็พยายามที่จะทำให้รู้ว่าความเป็นรังสิตนั้นก็คือได้แต่ให้ ให้กับประเทศชาติ ให้กับสังคม ตามคำขวัญของเราว่าเราจะสร้างแต่สิ่งที่ดีๆให้แก่สังคม ผมก็ฝากไว้แต่เพียงว่าการก้าวไปข้างหน้ายังมีขวากหนามอีกเยอะ ผมยกตัวอย่างสั้นๆ ปี ค.ศ. 2015 บทบาทอาเซียนมีผลโดยสมบูรณ์การแข่งขันทางการศึกษาจะเป็นไปโดยเสรี นั่นหมายความว่านักศึกษาไม่เตรียมตัวจะถูกแย่งงานจากนักศึกษากลุ่มอาเซียนด้วยกันเพราะเขาวิศวกรสามารถจะมาทำงานในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องมี license อะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถ้าเป็นอย่างนี้อาจารย์ก็ดี ผู้บริหารก็ดีต้องคำนึงว่ารังสิตจากนี้ไปจนถึง ค.ศ. 2015 จะต้องเตรียมตัวรับกับอันนี้ด้วย สองการแข่งขันในมหาวิทยาลัยไทยและมหาวิทยาลัยต่างประเทศจะสูงเพราะว่าต่างประเทศเขาเปิดแล้ว FTA เขาเซ็นไว้กับหลายประเทศแล้ว กับออสเตรเลีย กับอินเดีย กำลังจะลงนาม ญี่ปุ่น อเมริกา อะไรต่ออะไร เพราะฉะนั้นด้านการศึกษาเราต้องยืนอยู่ด้วยลำแข้งของตัวเราเองให้มากที่สุด ก็ฝากไว้แค่นี้ว่าสิ่งไหนที่จะทำได้คือความร่วม มือร่วมใจของทุกฝ่าย" |